← Back Published on

“ลงไปอยู่ข้างล่าง”

“อิฐก้อนแรก” ที่ใช้วางรากฐาน “ดินแดนแห่งเสรีภาพและถิ่นพำนักของคนกล้า” มีขนาดเพียงแค่หนึ่งย่อหน้า เมื่อนับดูแล้วมีเพียง 45 คำ

“Congress shall make no law respecting an establishment of religion, or prohibiting the free exercise thereof; or abridging the freedom of speech, or of the press; or the right of the people peaceably to assemble, and to petition the Government for a redress of grievances.” - The First Amendment to the US Constitution (1791)

ข้อความด้านบนปรากฎอยู่ในเอกสารสำหรับนักข่าวจากภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เข้าร่วมโครงการ International Visitor Leadership Program เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทำข่าวเชิงสืบสวนกับผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่ผ่านมา การอบรมเริ่มต้นที่ Washington, DC เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง คุณจะสามารถมองเห็นตึกสูงกลางเมืองหลวงที่ถูกแต่งแต้มด้วยดอกซากุระสีขาวอมชมพูอยู่ไกลๆ อากาศกำลังเปลี่ยนจากฤดูหนาวมาสู่ฤดูใบไม้ผลิ แต่ไม่ได้ทำให้หนาวน้อยลงกว่าเดิมเลยถ้าคุณมาจากประเทศไทย

วิทยากรที่มีภูมิหลังด้านสื่อสารมวลชนและกฎหมายอธิบายว่า The First Amendment มีความสำคัญต่อเสรีภาพสื่อ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ.1960 หนังสือพิมพ์ The New York Times ตีพิมพ์โฆษณา “Heed Their Rising Voices” เพื่อระดมทุนสนับสนุนขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมือง บทความบรรยายการชุมนุมอย่างสันติของนักศึกษาผิวสีทางตอนใต้และยกตัวอย่างว่าพวกเขาเผชิญคลื่นแห่งความสะพรึงอย่างไร เช่น การใช้ความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐ

“L.B. Sullivan เจ้าหน้าที่รัฐเมือง Montgomery แจ้งความหมิ่นประมาทหนังสือพิมพ์ บทความโฆษณาไม่ได้ระบุชื่อ Sullivan แต่เขากล่าวอ้างว่ามีข้อผิดพลาดที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เช่น นักศึกษาไม่ได้ร้องเพลง My Country, Tis of Thee พวกเขาไม่ได้ถูกไล่ออกเพราะปฎิเสธที่จะลงทะเบียนเรียน แต่เป็นเพราะว่ากระทำการอารยะขัดขืน เจ้าหน้าที่ไม่ได้ปิดล้อมมหาวิทยาลัย พวกเขาเพียงแต่ปรากฏตัวที่นั่นเท่านั้น ความผิดพลาดเหล่านี้ทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงจริงหรือ แต่อย่างไรก็ตาม เขาได้รับค่าเสียหายจำนวน 500,000 ดอลลาร์”

(อ่านบทความโฆษณาได้ที่ https://www.archives.gov/exhibits/documented-rights/exhibit/section4/detail/heed-rising-voices-transcript.html)

แต่ 4 ปีหลังจากนั้น เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ.1964 ศาลสูงของสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนคำตัดสิน “ทำให้เกิดการคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออกและส่งผลต่อการทำงานของสื่อมาจนถึงปัจจุบัน” เขาอธิบาย “ในปี ค.ศ.1971 ศาลสูงของสหรัฐฯ ยืนยันสิทธิของหนังสือพิมพ์ The New York Times ในการเผยแพร่ Pentagon Papers ประชาชนเชื่อว่ามันนำไปสู่การถอนกำลังของสหรัฐฯ ออกจากเวียดนามและรักษาชีวิตของผู้คนเอาไว้เป็นจำนวนมาก หรือในกรณีของ Richard Nixon เขาคือประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐฯ ที่ลาออกจากตำแหน่ง [ในปี ค.ศ.1974] หลังจาก The Washington Post รายงานเรื่อง Watergate”

เขาย้ำว่าการทำข่าวเชิงสืบสวนแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าไม่มี The First Amendment กฎหมายฉบับนี้คุ้มครองเสรีภาพของปัจเจกบุคคล การแข่งขันและยอมรับของความคิดที่แตกต่างหลากหลายในตลาด และสิทธิในการปกครองตนเอง “เสรีภาพทำให้คุณสามารถท้าทายและพัฒนาตัวเองได้ เมื่อคุณสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง คุณจะเข้าไปมีส่วนร่วมในการกำหนดค่านิยมและแสวงหาฉันทามติร่วมกันกับคนอื่นในสังคม มันเริ่มต้นจากภายในไปสู่ภายนอก เราจะตัดสินเองว่าจะต้องการมันยังไง”

Reporters Committee for Freedom of the Press

ผมคิดว่า “อิฐก้อนแรก” ช่วยวางรากฐานให้สื่อมวลชนสามารถทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ พวกเขาไม่ได้ทำงานอย่างโดดเดี่ยว แต่สามารถแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เช่น Reporters Committee for Freedom of the Press เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่นักข่าว เช่น การฟ้องร้องหน่วยงานรัฐให้เปิดเผยเอกสารต่อสาธารณะ (ภายใต้กฎหมาย Freedom of Information Act) หรือ Society of Environmental Journalists สนับสนุนเงินทุนและความรู้สำหรับการทำข่าวสิ่งแวดล้อม

พวกเรานั่งรถออกนอกเมืองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ต้นไม้เรียงรายเป็นแนวยาวตามเส้นทางที่มุ่งหน้าไปสู่ American University สวนพืชพรรณเขียวชอุ่มอยู่บนเวิ้งของทางโค้งในมหาวิทยาลัย ที่นั่นมีสิ่งที่ผมตั้งชื่อว่า “Silicon Valley” สำหรับนักข่าว บรรณาธิการข่าวสืบสวนของ The Washington Post ทำงานประจำควบคู่กับการสอนหนังสือที่คณะสื่อสารมวลชน เขาพาพวกเราไปสตูดิโอข่าวเชิงสืบสวนที่ใช้วารสารศาสตร์เชิงข้อมูลในการค้นหาและนำเสนอข้อเท็จจริง

“การฝึกงานข่าวสืบสวนระหว่างเรียนกำลังเพิ่มมากขึ้นในสหรัฐฯ” เขาอธิบาย ก่อนหน้านั้นไม่นาน นักศึกษาวัย 22 ปีทักทายพวกเรา เขาเรียนจบปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และกำลังประยุกต์ใช้ความรู้เหล่านั้นในงานข่าว

สตูดิโอข่าวเชิงสืบสวนที่ American University

นี่คือตัวอย่างของการใช้ข้อมูลเป็นแกนกลางในการเล่าเรื่อง The Washington Post ติดตามจำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากการใช้ปืนของตำรวจตั้งแต่ปี 2015 ทีมงานติดต่อ The Federal Bureau of Investigation เพื่อขอข้อมูลคดีอาชญากรรมทุกประเภทรวมทั้งการฆ่าบุคคลโดยไม่ผิดกฎหมายในบางสถานการณ์ แต่สถานีตำรวจไม่ได้รายงานจำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากการใช้ปืนของเจ้าหน้าที่อย่างครบถ้วน พวกเขาเลยสร้างเครื่องมือเพื่อเก็บข้อมูลเหล่านี้เองและพบว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากการใช้ปืนของตำรวจมีมากกว่า 1,000 คน หรือ 2 เท่าของสถิติทางการ สัดส่วนผู้เสียชีวิตเป็นชาวอเมริกันผิวสีมากว่าชาวอเมริกันผิวขาว

บรรณาธิการข่าวสืบสวนเริ่มต้นการทำงานที่ The Chicago Reporters ที่นำเสนอข่าวเกี่ยวกับเชื้อชาติและความยากจนในปี 1995 เขาได้มีโอกาสเรียนรู้จากผู้บุกเบิกวารสารศาสตร์เชิงข้อมูลในช่วงเวลาที่ความก้าวหน้าในอาชีพกำลังเริ่มกลายเป็นสิ่งที่ท้าทายมากขึ้นเรื่อยๆ สื่อสิ่งพิมพ์ถดถอยเนื่องจากสื่อในรูปแบบอื่นเริ่มเติบโตและรายได้จากโฆษณาหายไป สื่อกระแสหลักพยายามปรับตัว แต่เขาพบว่าหนังสือพิมพ์กำลังลงทุนทำข่าวเชิงสืบสวนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมันมีคุณค่าสำหรับผู้อ่าน

“มันยากแค่ไหนที่จะผลิตงานข่าวสืบสวนในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว” ผมถาม “อย่ากังวลเรื่องนั้น เก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ และลองดูว่ามันเปลี่ยนความนำของข่าวไหม ถ้าใช่ก็ใช้เวลาไปกับมัน” เขากล่าว “[ตอบตัวเองว่า] ทำไมต้องตอนนี้ เรากำลังเสนออะไรในบทสนทนา”

ผู้เขียนบันทึกการฟังบรรยาย

พวกเราเดินทางไปที่เมือง Saint Louis มลรัฐ Missouri ที่เคยเป็นจุดเริ่มต้นของการบุกเบิกดินแดนทางทิศตะวันตกในช่วงศตวรรษที่ 19 โครงสร้างสแตนเลสโค้งมนพาดผ่านท้องฟ้าเหมือนชิงช้าสวรรค์ Eero Saarinen สถาปนิกชาวอเมริกันเชื้อสายฟินแลนด์เป็นผู้ออกแบบ Gateway Arch ที่สูงที่สุดในโลก นักท่องเที่ยวต่างไปเยี่ยมเยียนพิพิธภัณฑ์และต่อแถวยาวเหยียดเพื่อนั่งกระเช้าไปด้านบน สิ่งก่อสร้างที่มีขนาดความสูง 630 ฟุตกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของประตูสู่ภาคตะวันตกของอเมริกา

นักข่าวสืบสวนที่สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น KDSK คือผู้มาเยือนคนใหม่ในชุมชน เธอเคยทำข่าวรายวันใน New York และเขียนงานอิสระให้กับสื่อต่างๆ ก่อนที่เธอและครอบครัวจะตัดสินใจย้ายมาที่ Saint Louis เธอเคยต้องทำงานภายใต้ความเร่งรีบ แต่เมื่อย้ายมาทำงานข่าวสืบสวนที่นี่ เธอต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานโดย “ใช้เวลามากขึ้นในการสร้างความไว้วางใจ [จากคนในพื้นที่]” และพยายามหา “ทางออก” ในรายงานข่าว เช่น การใช้แอปพลิเคชันแจ้งเตือนเพื่อแก้ปัญหาคนขับรถหนีจากตำรวจจนไปชนผู้อื่น

แต่อย่างไรก็ตาม ช่างภาพสื่อท้องถิ่น St. Louis Post-Dispatch กลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาทำงานมานานมากกว่า 20 ปี แผนกช่างภาพของเขาเคยมีพนักงาน 20 กว่าคน แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 7 คน เขาถ่ายภาพทุกอย่างในชุมชนตั้งแต่อาหารและกีฬาไปจนถึงผู้คนที่อาศัยอยู่ในอาคารร้าง เขาได้รับรางวัล Pulitzer จากภาพถ่ายความขัดแย้งระหว่างเชื้อชาติใน Ferguson หลังจากตำรวจผิวขาวยิงชายวัยรุ่นผิวสีจนเสียชีวิต เขาคิดว่าพวกเขาคงจะเป็นสื่อมวลชนรุ่นสุดท้าย

“มันยากมากที่จะสร้างความไว้วางใจเพื่อทำข่าวเชิงลึก 90% ของสิ่งที่ผมทำในตอนนี้คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวันเท่านั้น” เขาสะท้อนความถดถอยของสื่อท้องถิ่น “แต่ผมก็ยังคงชอบในสิ่งที่ทำ ผมชอบที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทุกวัน”

University of Missouri

พวกเราออกเดินทางไป University of Missouri ซึ่งห่างออกไปจากเมืองถึง 2 ชั่วโมง Walter Williams นักข่าวชาวอเมริกัน ก่อตั้งคณะสื่อสารมวลชนแห่งแรกของโลกที่นี่เมื่อปี ค.ศ.1908 เจ้าหน้าที่พาพวกเราเดินชมอาคาร โปสเตอร์สารคดีข่าวที่คล้ายใบปิดหนังติดอยู่ตามแนวทางเดินไปสู่ Jonathan B. Murray Center for Documentary Journalism ภาพถ่ายและหนังสือพิมพ์ของนักศึกษาติดอยู่บนกำแพง นี่คือตัวอย่างของวิธีการเรียนแบบ Missouri Method ที่ผสมผสานการเรียนแบบลงมือทำทั้งในและนอกห้องเรียน

“นักศึกษาจะได้ทำหนังสือพิมพ์จริงๆ คนในชุมชนชินแล้วกับการพูดคุยกับพวกเขา” เจ้าหน้าที่กล่าว

University of Missouri มีแหล่งบ่มเพาะวารสารศาสตร์เชิงข้อมูลเหมือนกับ American University พวกเราเข้าร่วมการบรรยายของอาจารย์ที่เคยเป็นนักข่าวมานานถึง 15 ปีก่อนที่จะมาสอนหนังสือ เขาค้นพบความน่าสนใจของศาสตร์นี้เมื่อช่วงต้นทศวรรษ 1990 หลังจากพบว่ามีนักข่าวใช้คอมพิวเตอร์ในการวิเคราะห์ข้อมูล “ผมแค่อยากมีทักษะนั้นบ้าง” เขาหัวเราะ “ในตอนนั้นมันเป็นสิ่งที่ใหม่มาก” แต่อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าการบรรยายจะเป็นประโยชน์มากกว่านี้ถ้าพวกเราทุกคนมีประสบการณ์การทำงานวารสารศาสตร์เชิงข้อมูลมาก่อน

“นักข่าวส่วนมากยังไม่มีทักษะนี้ ผมสนับสนุนให้คุณเริ่มต้นที่เรื่องง่ายๆ ที่คุณกำลังทำอยู่และทดลองใช้โปรแกรมสเปรดชีท” เขากล่าวก่อนที่จะอธิบายวิธีการใช้งานที่ไม่มีใครสักคนเข้าใจ

ความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วและยุ่งเหยิงคือประสบการณ์ของสภาวะสมัยใหม่ “All that is solid melts into air” ผมนึกถึงสิ่งที่ Karl Marx เขียนเอาไว้ใน Communist Manifesto เพื่ออธิบายว่าชนชั้นนายทุนเปลี่ยนแปลงเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตอยู่ตลอดเวลาจนทำให้ความสัมพันธ์ในสังคมเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ผมคิดว่าอุปลักษณ์ของ Marx สามารถนำมาใช้อธิบายความรู้สึกงุนงงของตัวเองได้เป็นอย่างดีเมื่อยืนจังกาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เต็มไปด้วยตัวเลข 

แต่ก่อนที่เราสามารถจัดการข้อมูลดิบเหล่านี้ได้ ความเปลี่ยนแปลงในรูปแบบอื่นก็เข้ามาอีกราวกับว่ามันเป็นสิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

หนังสือพิมพ์ Milwaukee Journal Sentinel

สื่อท้องถิ่นคือภาพจำลองของวงการสื่อสารมวลชน (หรือทาสของแพลตฟอร์ม?) ที่ยืนอยู่ท่ามกลางความผันผวน พวกเราออกเดินทางไปหาคำตอบที่เมือง Milwaukee ในมลรัฐ Wisconsin เพื่อศึกษาว่าพวกเขารับมือความเปลี่ยนแปลงอย่างไร หนังสือพิมพ์บนกำแพงสะท้อนรากเหง้าของ Milwaukee Journal Sentinel พวกเขากำลังมุ่งหน้าสู่สมรภูมิข่าวออนไลน์ในรูปแบบการสมัครสมาชิก “ผมไม่ได้ทำงานให้ใครฟรีๆ” บรรณาธิการอาวุโสกล่าว

พวกเขาให้ความสำคัญกับการรายงานข่าวบนเว็บไซต์และสื่อสังคมออนไลน์เป็นอันดับแรก ทีมงานสองกะทำงานตั้งแต่ 7 โมงเช้าถึง 4 ทุ่ม “เรื่องไหนที่มียอดผู้เข้าชม 10,000 คน ถือว่าเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเราแล้ว” ทีมงานกล่าว หนังสือพิมพ์ไม่ได้มีไว้เพื่อรายงานข่าวด่วนอีกต่อไป พวกเขาจะตีพิมพ์เฉพาะเรื่องที่น่าสนใจเท่านั้น ส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจในชุมชน แต่อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ฉบับวันพุธและวันอาทิตย์ยังคงเป็นแหล่งรายได้หลัก ผู้อ่านสื่อสิ่งพิมพ์ส่วนมากเป็นผู้สูงอายุ

แต่อย่างไรก็ตาม สื่อบางแห่งทำงานภายใต้โครงสร้างไม่แสวงหาผลกำไร Milwaukee Neighborhood News Service รายงานข่าวแทบทุกประเด็นตั้งแต่สุขภาพและการศึกษาไปจนถึงอาชญากรรม “ผมต้องการรับใช้ชุมชน ไม่ใช่ผู้ถือหุ้นในบริษัท” บรรณาธิการกล่าว หลักการทำงานของเขาคือส่งเสริมเรื่องราวของคนธรรมดาที่ทำสิ่งที่มีความหมาย ให้ความรู้เพื่อเชื่อมโยงคนในชุมชนกับทรัพยากร การตรวจสอบเฝ้าระวังการใช้อำนาจรัฐ และการใช้นวัตกรรมเพื่อเข้าหาผู้อ่าน

พวกเราเรียนรู้โครงสร้างการหารายได้ของสื่อที่แตกต่างกันแบบนี้ที่เมือง Madison เช่นกัน WisPolitics เป็นสื่อออนไลน์ที่รายงานข่าวการเมืองในเชิงลึก เช่น พวกเขาพยายามหาคำตอบว่าทำไมร่างกฎหมายการทำแท้งถึงได้รับการอนุมัติในตอนนี้ รายได้หลักของบริษัทมาจากการสมัครสมาชิก บรรณาธิการอธิบายว่าเขานำเว็บไซต์ไปประชาสัมพันธ์บนสื่อสังคมออนไลน์ เช่น Twitter เพื่อดึงดูดผู้อ่าน นอกจากนี้ เขายังเน้นย้ำวิธีการทำงานที่เป็นกลางและเลือกสัมภาษณ์แหล่งข่าวที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการนั้นจริงๆ เท่านั้น

“ผมแบ่งแหล่งข่าวออกเป็น 3 ระดับ คนกลุ่มแรกสามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุด เช่น โฆษกหรือตัวแทนของหน่วยงาน คนกลุ่มที่สองจะค่อนข้างเข้าถึงยาก เช่น หัวหน้า คนกลุ่มที่สามคือ “คู่แต่งงาน” [แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดนักการเมืองมากที่สุด] พวกเขาไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับนักข่าว”

แต่ผู้อำนวยการวิจัย Centre for Media and Democracy ไม่ได้คิดแบบนั้น องค์กรณ์ของเขาคอยตรวจสอบโฆษณาชวนและส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อ พวกเขาแสวงหารายได้จากการรับบริจาค โครงสร้างทางเศรษฐกิจแบบไม่แสวงหาผลกำไรทำให้พวกเขามีอิสระในการทำงาน เช่น การตรวจสอบเครือข่ายทางการเงินของมหาเศรษฐี เขาคิดว่าการสมัครสมาชิกเพื่อเข้าไปอ่านข่าว “ไม่น่าจะไปรอด” และ “จะยังคงเป็นความท้าทายของสื่อมวลชนต่อไป”

งานศิลปะที่ University of Wisconsin-Madison

“ยิ่งสื่อเชิงพาณิชย์ถดถอยลงไปเท่าไหร่ สื่อที่แสวงหาการบริจาคจากผู้อ่านจะยิ่งเติบโตมากขึ้นไปเท่านั้น” บรรณาธิการ Wisconsin Centre for Investigative Journalism แสดงความคิดเห็นที่สอดคล้องไปในทางเดียวกัน

เธอทำข่าวเชิงสืบสวนมายาวนานกว่า 40 ปี ภาวะถดถอยของสื่อสิ่งพิมพ์ทำให้ความตื่นตัวทางการเมืองลดลง การทุจริตเพิ่มมากขึ้น ผู้บริโภคอ่านข่าวที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายมากขึ้น เธอจึงตัดสินใจก่อตั้งหน่วยงานที่ไม่แสวงหาผลกำไรเพื่อส่งเสริมการทำข่าวเชิงสืบสวนในปี 2009 งานครอบคลุมไปถึงการสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย เช่น นักศึกษาทำรายงานข่าว Beyond Hunger เพื่อติดตามว่าโครงการในช่วงโรคระบาดโควิด-19 ช่วยบรรเทาความอดอยากในชุมชนได้อย่างไร

"ลงไปให้ลึกกว่าสิ่งที่เห็น ประชาชนรู้ว่างานแบบนี้มีความแตกต่าง [จากงานอื่นๆ] อย่างไร"

The Progressive

The Progressive นิตยสารการเมืองฝ่ายก้าวหน้าที่อยู่มายาวนานมากกว่า 100 ปี กลับผสมผสานทุกวิธีการเข้าด้วยกัน นิตยสารเคยมียอดสมาชิกสูงสุดอยู่ที่ 80,000 คน จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดในช่วงกลาง 1990 พวกเขาทดลองนำเอาไฟล์นิตยสารมาเผยแพร่บนเว็บไซต์ จนกระทั่งในปี 2013 ทีมงานเริ่มคุ้นเคยและได้ออกแบบเว็บไซต์ใหม่ ปัจจุบัน นิตยสารมียอดสมาชิก 20,000 คน ผู้อ่านส่วนมากคือผู้สูงอายุที่ติดตามบทวิเคราะห์การเมืองเชิงลึกมานาน ในขณะเดียวกัน เว็บไซต์จะติดตามสถานการณ์รายวันและนำเสนอบทวิเคราะห์เหตุการณ์ในปัจจุบัน พวกเขาหารายได้จากวิธีการอื่นๆ เช่น โฆษณา การบริจาค และการสอนเขียนบทความแสดงความคิดเห็น

“สื่อออนไลน์อย่างเดียวไม่ใช่รูปแบบที่ดี สื่อสิ่งพิมพ์ยังมีความสำคัญ ทั้งคู่ทำงานควบคู่กันไป” บรรณาธิการอาวุโสตอบคำถามเรื่องจุดจบของนิตยสาร “พวกเราสามารถเพิ่มจำนวนยอดผู้สมัครสมาชิกได้และหวังว่าจะไปถึงจุดกลมกล่อมในอนาคต”

แต่ไม่ว่าเครื่องมือจะเปลี่ยนไปอย่างไร “หน้าที่ของนักข่าวคือการลงไปอยู่ข้างล่างและมองขึ้นไป แต่ไม่ใช่ไปอยู่กับคนพวกนั้น”

ธนา

ป.ล. ผู้เขียนขอขอบคุณ The U.S. Department of State และ The U.S. Embassy ที่จัดโครงการ The International Visitor Leadership Program ภายใต้หัวข้อ Edward R. Murrow Program for Journalists: Research and Investigation for the Indo-Pacific and Central Asia เมื่อวันที่ 4-25 มีนาคม ค.ศ.2023